"บางคนที่มองตัวเองบ่อย ๆ ว่าทำอะไรไม่เคยสำเร็จสักที"
"ทำไมมองคนโน้นคนนี้ เขาถึงกล้าพูดได้เต็มปากกันว่าประสปความสำเร็จแล้ว"
"จุดไหนคือสิ่งที่เรียกว่าประสปความสำเร็จ? กัน...."
ที่ยกมานั่น เป็นเพียงประโยคสั้น ๆ ที่หลาย ๆ คนมักผุดขึ้นมาในใจยามที่ทำอะไรแล้วรู้สึกว่าตัวเอง ทำไม่สำเร็จสักที เลยต้องตั้งประโยคขึ้นมาในใจ เพื่อเป็นเงื่อนไขสำหรับเปรียบเทียบว่า ตนเองในขณะนั้น ได้ทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ลุล่วง หรือมาจนถึงจุดไหนแล้ว ซึ่งส่วนมากหลาย ๆ คน มักเอาที่มาของ แรงบรรดาลใจในการทำงาน หรือสิ่งที่ทำให้จำต้องทำหน้าที่นั้นให้ลุล่วงมาเป็นบรรทัดฐานของความสำเร็จ ซึ่งส่วนมากจะไม่มีใครจะได้พานพบกับเส้นชัยที่เรียกว่าความสำเร็จที่ว่านั่นเลย
เริ่มต้นง่าย ๆ ... ด้วยการตั้งเป้าหมาย
หลาย ๆ คนที่ไม่เคยพบกับความสำเร็จในชีวิต เป็นเพราะ การมีเป้าหมายที่ ไม่แน่นอน หรือการมีเป้าหมายที่สูงเกินไป ซึ่งตัวเป้าหมายนั้น ควรกำหนดให้เป็นระดับ ๆ ยกตัวอย่างเช่น หลาย ๆ คนที่อยากมีตังค์ใช้ จนระดับที่ว่าประสปความสำเร็จในชีวิต
ยกตัวอย่าง
นาย ก. อายุ 22 ปีเป็นนักศึกษาจบใหม่ ไปร่วมฟังนโยบายของบริษัทขายตรง บ.นึงแล้วถูกพูดกรอกหูมาว่า "น้องคนนั้นเนี่ย อายุ 19 ปีก็มีเงินเป็นแสน ๆ ต่อเดือนแล้ว ทำอาชีพอื่นก็เป็นไปได้ยากที่จะประสพความสำเร็จได้ขนาดนี้"
เมื่อนาย ก. ได้ยินดังนั้น นาย ก. จึงพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าตัวเองจะต้องประสพความสำเร็จในชีวิตแบบ น้องคนนั้นบ้าง..
..แต่มีคำถามว่า?
........เมื่อไรล่ะ ที่นายก.จะประสปความสำเร็จ ในขั้นนั้น ในขณะที่ปัจจุบันเป็นคนว่างงานอยู่....?
หลาย ๆ คนเริ่มมีคำตอบในใจแล้วว่า "ก็ตอนที่ทำให้มีรายได้ต่อเดือนเป็นแสนเหมือนเด็กคนนั้นไง"
ถ้าลองพิจารณาดูจริง ๆ แล้วก็อาจพบปัญหาถัดมาว่า มันเกิดความต่างระหว่าง นายก. และเด็กคนนั้นเรื่องอายุ และฐานะ รวมไปถึงอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง
.... เมื่อคิดไปคิดมาเรื่อย ๆ ก็จะเกิดคำถามต่อมาที่ว่า "นาย ก. ควรจะต้องมีรายได้ที่แตกต่างสิ หรือมีอะไรที่ต่างกันออกไป เพราะพิจารณาจากหลาย ๆ อย่างที่ไม่ได้มีองค์ประกอบที่เหมือนกัน"
....แล้วนาย ก. ควรจะทำยังไงดี ในเมื่อเริ่มก็ดูท่า ทีว่า ระดับความสำหรับที่ตั้งไว้แต่แรกนั้นพังทลายแล้วด้วยเหตุผลง่าย ๆ
คำตอบก็คือ...
"การสร้างเป้าหมาย และปณิธานให้ตัวเอง"
แต่ก็พูดได้ว่าสิ่งสำคัญแรกที่นาย ก. ทำนั้น... เรียกได้ว่าถูกต้องแล้ว แต่เหนือกว่านั้นนาย ก. ไม่ได้ประเมิณสิ่งแวดล้อม และสถาณการณ์ต่าง ๆ ในความที่จะเป็นไปได้ของตัวเอง เนื่องจาก การสร้างเป้าหมาย ต้องสร้างจากพื้นฐานของความเป็นไปได้ เพราะหากไม่ได้สร้างมาจากพื้นฐานของความเป็นไปได้แล้วเป้าหมายที่ตั้งนั้นก็เป็นได้แค่ "ฝันลม ๆ แล้ง ๆ"
ทีนี้... เมื่อนาย ก. ได้ลอง "มีเป้าหมาย อย่างถูกวิธีแล้ว" ทีเหลือนาย ก. ก็แค่ดำเนินการให้มันเป็นไปได้ แต่หากถามว่า เป้าหมายที่นาย ก. ตั้งนั้น ควรมีกี่เรื่องดี? คำตอบก็จะขึ้นอยู่กับสภาวะและสถาณภาพของนาย ก. ในปัจจุบันเอง โดยในจุดนี้ สมมติว่านาย ก. ตั้งใจที่จะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นสาระในการตั้งเป้าหมายของนาย ก. ก็จะต้องเกี่ยวพันกับการจับจ่ายเงิน ด้วยเหตุนี้นาย ก. จึงต้อง LIST ( ทำรายการ ) ต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาณภาพของการเงินในปัจจุ เช่น
สถาณภาพและสภาวะปัจจุบันของ นาย ก.
- มีรายได้วันละ 300 บาท
- เสียค่ากินวันละ 120 บาท
- เสียค่าเดินทาง 100
เป้าหมายของนาย ก. ที่ตั้งไว้
- มีรายได้วันละ 500 บาท หรือ มีรายได้วันละ 500 ภายใน 10 วัน
- เสียค่ากินวันละ 100 บาท
- เสียค่าเดินทาง 80
หลังจากมี list เป้าหมายแล้ว แค่นี้ นาย ก. ก็เริ่มเห็นความสำเร็จที่จับต้องได้แล้ว!!!
...เมื่อนาย ก. ได้ดำเนินขั้นตอนมาถึงตรงนี้ก็พอจะพูดได้ว่า ที่เหลือก็แค่ทำให้มันสำเร็จตาม รายการที่ตั้งไว้เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องของการที่อยากมีรายได้ต่อเดือนเป็นแสน ๆ เรื่องนี้ เมื่อมองว่าไม่สามารถเอาไปเทียบกับเด็กคนนั้นได้ จึงต้องใช้หลักการที่ว่า "เป้าหมายที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ แต่ยากเกินจะเป็นไปได้ ให้ตั้งไว้เป็น ปณิธาน" เพราะ ปณิธาน คือสิ่งที่คนเรา อยากให้เป็นไป และเมื่อทำได้ ส่วนมากจะพบกับความสุขที่เรียกได้ว่าเกือบที่สุดของชีวิต...
"เป้าหมาย กับ ความสำเร็จ ที่ไม่มีวันสิ้นสุด"
หลายคนอ่านแล้วอาจงงทำไมเขียนแบบนี้ นั้นก็เพราะว่า โดยพื้นฐานแ้ล้ว มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันเพียงพอ จึงทำให้เกิดความต้องการเรื่อย ๆ และเมื่อเกิดความต้องการแล้ว สมองก็จะกลั่นกรองความสมเหตุสมผล ออกมาว่าควรเลือกทำสิ่งใด จากนันเป้าหมายจึงบังเกิด เมื่อพอเข้าใจจุดนี้แล้วจึงขอกลับไปที่เรื่องของ นาย ก. ต่อ ( เพราะที่เล่ามา นาย ก. ยังไม่รวย )
ถัดมาหลังจากนาย ก. ได้ทำตาม list ที่ได้ตั้งไว้จนหมดแล้ว ถามว่า นาย ก. พึงพอใจกับจุดนั้นใหม?
คำตอบคือ "ไม่" เพราะว่านาย ก. อยากเป็นเศรษฐี มีรายได้เป็นแสน ๆ
นาย ก. จึงตั้งคำถามว่า
"มาถึงจุดนี้แล้วควรทำอย่างไรต่อไป ในเมื่อสิ่งที่มีอยู่มันยังไม่เพียงพอกับความต้องการ"
คำตอบ ที่ดีที่สุด ที่นาย ก. ทำได้ตอนนี้ก็คือ "ตั้งเป้าหมายใหม่"
เป้าหมาย(ปัจจุบัน ) ซึ่งเป็นสถาณภาพปัจจุบันของนาย ก.
- มีรายได้วันละ 500 บาท หรือ มีรายได้วันละ 500 ภายใน 10 วัน
เป้าหมายใหม่
- มีรายได้วันละ 1,500
** จุดนี้บางคนอาจงงว่า เอ๊ะนาย ก. เอาอะไรเป็น บรรทัดฐานในการคำนวณว่า ความเป็นไปได้ของเม็ดเงินที่จะหารายวันได้ มันควรอยู่ที่เท่าไร เรื่องนี้ผู้้เขียนขออธิบายหลักคิดนี้ง่าย ๆ ว่า เอาความ เป็นจริงของปัจจุบัน คูณ สองหรือ สาม
มาถึงตอนนี้ก็ขอ พอ เรื่องของ นาย ก. ไว้เท่านี้ดีกว่า เพราะจริง ๆ แล้วช่องทางในการประสปควาสำเร็จของนาย ก. ยังมีอีกมากมาย เหลือแต่ก็เพียงพัฒนา การค้าขาย และทำตาม ปณิธานว่า "ต้องมีรายได้ต่อเดือน เป็นแสน ๆ" ให้ได้ก็พอ
สรุปแล้วนะ
หลังจากที่อ่านเรื่องนาย ก. ที่ยกตัวอย่างมาก็อาจจะเข้าใจเนื้อหาของความสำเร็จกันบ้างแล้วว่า มันไม่ได้ไกลเกินเอื้อม แต่บางคน กลัวคำ ๆ นี้ เนื่องด้วยสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่เคยเจอมา เลยทำให้มองว่าสิ่งทีำ่ทำอยู่มันง่ายเกินจะเรียกว่าความสำเร็จ แต่หลาย ๆ คนอาจไม่สังเกตุเลยว่าเรื่องของ "ความสำเร็จ" มักถูกใช้ในเรื่องของการเปรียบเทียบ เช่น เวลาฟังบ.ขายตรง ส่วนมากพูดก็มักยกคำ ๆ นี้มาพูดเรื่อย ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายดูแย่ และพัฒนาตัวเองให้ไปอยู่ในระดับเดียวกัน
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากรู้ว่า ปัจจุบันคุณประสปความสำเร็จแค่ไหนแล้ว ก็ลองเอาตัวเองไปเทียบ กับคนที่แย่ ๆ กว่าคุณสิ แล้วจะพบว่า ตัวเองนี่ ประสปความสำเร็จขนาดไหน
ท้ายนี้ผู้เขียนขอสรุปข้อดีอย่างหนึ่งในเรื่องของการ "ประสปความสำเร็จ" ว่า
ส่วนมากมักจะถูกนำมาใช้ในการหาผลประโยชน์จากการเปรียบเทียบเท่านั้นเอง
( เช่นดังเห็นได้จากกรณีที่ คนวาดรูปเก่ง ๆ เปิดคอร์สสอนวาดรูปให้คนวาดรูปไม่เป็นมาเรียนวาด เพื่อให้ประสปความสำเร็จในเรื่องวาดรูปได้ตามนั้นบ้างและเป็นที่พึงพอใจของผู้เรียนและคนรอบข้างเอง )
*เขียนรอบแรกเมื่อ 14/1/2012
เขียนต่อเมื่อ 17/2/2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น